ยินดีต้อนรับสมาชิกบล็อกทุกท่าน

เว็บบล็อกนี้รวบรวมสิ่งดี ๆ ที่ผมไปพบเห็นมาก็นำมาฝากกันเป็นวิทยาทาน

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สอนคณิตศาสตร์ให้ลูก

เมื่อพูดถึงคณิตศาสตร์ หลายคนส่ายหน้า บอกว่าไม่ชอบ ไม่เข้าใจ ยาก ตอนสอบก็เกือบตก เข้าความจริงแล้วจะไปโทษเด็กหรือโทษคนไม่ชอบคณิตศาสตร์ก็คงไม่ได้ ต้องโทษระบบการศึกษาของเรา ที่ไม่มีครูคณิตศาสตร์ดีๆ เพียงพอ ครูสอนคณิตศาสตร์เป็นใครก็ไม่รู้ บางทีก็เอาครูวิทยาศาสตร์มาสอน จึงไม่สามารถอธิบายให้เด็กเข้าใจได้ เมื่อไม่เข้าใจแต่ต้น ยิ่งเรียนสูงก็ยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งไม่เข้าใจก็ยิ่งเบื่อ ยิ่งเบื่อก็ยิ่งไม่อยากเรียน ก็เลยพาลไม่ชอบไปเลย

ความจริงคณิตศาสตร์เป็นเรื่องสนุก คณิตศาสตร์ไม่ใช่เรื่องตัวเลขที่หลายคนลายตา หัวใจของคณิตศาสตร์สอนให้คนรู้จักคิด มีเหตุมีผล รู้ประมาณ รู้ขอบเขต รู้ว่าอะไรเป็นไปได้ อะไรเป็นไปไม่ได้ คณิตศาสตร์สอนให้คนมองอะไรกว้างขึ้น และยังมองลึกกว่าคนทั่วไป ตัวเลขของคณิตศาสตร์เป็นเพียงบันใดที่จะไต่ไปสู่เป้าหมายที่กล่าวข้างต้น

สมมุติว่ามีคนมาบอกว่า " พาราเซตตามอลเป็นยาแก้ปวดที่ปลอดภัยที่สุด " คนทั่วไปก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ปลอดภัยก็ปลอดภัย ปลอดภัยก็กิน แต่คนที่เข้าใจคณิตศาสตร์ กลับมองไปอีกอย่าง คงอยากทราบใช่ไหมว่ามองอย่างไร

การที่บอกว่า พาราเซตตามอลเป็นยาแก้ปวดที่ปลอดภัยที่สุด คำว่า " ที่สุด " ก็แปลว่า ยังมียาแก้ปวดอย่างอื่นให้เราเลือกใช้อีก ยาแก้ปวดไม่ได้มีแต่พาราเซตตามอลอย่างเดียว

คำว่า " ปลอดภัยที่สุด " ไม่ได้แปลว่าปลอดภัย 100 % ปลอดภัยที่สุด แปลได้เพียงว่า ในบรรดายาแก้ปวดที่มีอยู่ ยาพาราเซตตามอลปลอดภัยกว่ายาแก้ปวดตัวอื่นๆ ความปลอดภัยอาจแค่ สมมุติว่า 90 % คนเข้าใจคณิตศาสตร์จะถามต่อว่า แล้วที่ไม่ปลอดภัยหรือที่ต้องระมัดระวังมีอะไรบ้าง

ถ้าสมมุติว่า พาราเซตตามอลปลอดภัย 90 % แต่ยาแก้ปวดอีกตัวที่ปลอดภัยรองลงมา มีความปลอดภัย 85 % แต่ราคากำละ 1 บาท (หนึ่งกำมีตั้งหลายสิบเม็ด) ในขณะที่พาราเซตตามอล เม็ดละหนึ่งบาท บางทีเราอาจไม่เลือกพาราเซตตามอลก็ได้

เห็นไหมครับว่าคนเข้าใจคณิตศาสตร์มองอะไรๆ ได้กว้างกว่า คิดอะไรๆ ได้ลึกกว่าคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คนเรียนคณิตศาสตร์ได้ดี จึงมักเรียนวิชาอื่นได้ดีด้วย ทั้งนี้ก็เพราะคณิตศาสตร์ สอนให้รู้จักคิด รู้จักประยุกต์ความเข้าใจ จึงทำให้เรียนและเข้าใจวิชาอื่นได้ดีกว่าคนที่ไม่ชอบคณิตศาสตร์

การที่จะทำให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์ได้นั้น ต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก พ่อแม่จึงต้องเป็นครูคณิตศาสตร์ คนแรกของลูก พูดอย่างนี้หลายคนตกใจว่าเราเองก็แย่เอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว จะไปสอนคณิตศาสตร์ ให้ลูกได้อย่างไร

ความจริงไม่ใช่เรื่องยาก ท่านสามารถสอนลูกปลูกฝังลูกได้โดยลูกไม่รู้ตัว อย่างเช่น เวลาขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน ถ้าลูกยังเล็กอยู่ก็ให้อ่านตัวเลขทะเบียนรถ ถ้าโตขึ้นมาหน่อย ก็ลองให้ลูกบวกลบตัวเลขทะเบียนรถ ถ้าลูกโตขึ้นมาอีก ก็อาจกำหนดคำตอบแล้วให้ลูก ใช้ตัวเลขทะเบียนรถมาบวกลบคูณหารให้ได้ตรงคำตอบหรือใกล้เคียงที่สุด หน้าปัดความเร็วรถ คุณก็สามารถสอนเรื่องความเร็ว สอนเรื่องหน่วย ไมล์ กิโลเมตร นาฬิกาบนหน้าปัดรถ คุณก็สามารถสอนเรื่องเวลา นาที วินาที ชั่วโมง สอนเรื่องการอ่านเวลา สอนเรื่องการตรงต่อเวลา สอนเรื่องวงกลม สอนเรื่องการเคลื่อนที่ของเข็มยาว เข็มสั้น

เมื่อพาลูกไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ถ้าเป็นเด็กเล็กคุณก็สามารถสอนเรื่องรูปทรงต่างๆ รูปทรงกลม ทรงเหลี่ยม จากป้ายราคา คุณก็ยังสามารถสอนเรื่อง บาท สตางค์ สอนเรื่องโหล กุรุส ราคาต่อหน่วย ของชนิดเดียวกันต่างยี่ห้อเปรียบเทียบว่าอันไหนถูกกว่าอันไหนแพงกว่า ถ้าเด็กโตขึ้นมาหน่อย ก็อาจให้ลองบวกเลขรวมจำนวนเงินที่ต้องจ่าย ถ้าให้ธนบัตรเท่านี้ จะได้รับเงินทอนเท่าไหร่ หยิบน้ำปลามาหนึ่งขวดคุณจะสอนอะไรให้กับลูกได้บ้าง เริ่มจากรูปทรงของขวด ถ้าเด็กโตขึ้นมาหน่อย ก็สอนเรื่องปริมาตร ลิตร ซีซี ถ้าเด็กโตขึ้นมาอีกหน่อย เปอร์เซ็นต์ส่วนประกอบของน้ำปลา ราคาที่ประหยัดกว่าเมื่อซื้อขวดใหญ่ เมื่อเทียบกับซื้อขวดเล็ก คุณพ่อคุณแม่สามารถทำให้ การไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเกิดความสนุกสนาน และเกิดการเรียนรู้ไปด้วย

เห็น ไหมครับสิ่งรอบตัวคุณสามารถนำมาประยุกต์สอนเด็กได้ เป็นการปลูกฝังให้เด็ก รักคณิตศาสตร์โดยไม่รู้ตัว และไม่ต้องกลัวว่าคุณจะสอนไม่ได้ เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องพื้นๆ สำหรับผู้ใหญ่ทั่วไปที่ต้องรู้อยู่แล้ว อยู่ที่ตัวท่านจะเอาใจใส่แค่ไหนมากกว่าเมื่อเด็กรักคณิตศาสตร์ ชอบคณิตศาสตร์ เมื่อโตขึ้นเด็กก็จะขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมเอง คณิตศาสตร์ก็จะไม่เป็นยาขม ของเด็กอีกต่อไป ขอขอบคุณ: นายแพทย์รุ่งโรจน์ ตรีนิติ
http://www.clinicrak.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้