ยินดีต้อนรับสมาชิกบล็อกทุกท่าน

เว็บบล็อกนี้รวบรวมสิ่งดี ๆ ที่ผมไปพบเห็นมาก็นำมาฝากกันเป็นวิทยาทาน

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

หมวกโจรสลัด


เด็กผู้ชายก็ชอบเล่นบทบาทสมมุติเช่นกัน หมวกโจรสลัดจะเป็นอุปกรณ์เล่นชิ้นโปรดอีก อย่างนึงมาลงมือทำกันเลย

อุปกรณ์
1. กระดาษแข็งแถบยาว
2. กระดาษโปสเตอร์อ่อนสีดำ
3. กระดาษหนังสือพิมพ์ทำแบบ
4. อุปกรณ์ตกแต่ง เช่น ขนนก เลื่อม รูปกระดูก


วิธีทำ
1. ตัดกระดาษแข็งแถบยาว วัดตามขนาดศรีษะเด็ก
2. นำกระดาษหนังสือพิมพ์มาพับครึ่ง เขียนรูปโค้งของหมวกตามแบบ
3. ลอกแบบลงในกระดาษโปสเตอร์ดำ
4. ตัดออกมา ตกแต่งลวดลายตามจินตนาการ
5. ติดหมวกโจรสลัดเข้ากับแถบครอบศรีษะด้วยลวดเย็บกระดาษ

ข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://crafts.kaboose.com

หรีดแขวนตกแต่งประตู



ธรรมเนียมฝรั่งจะมีเครื่องแขวน หรือพวงหรีดประดับประตูบ้านตามเทศกาลต่างๆ ลองให้เด็กๆทำพวงหรีดประดับแบบง่ายๆดูบ้างไว้แขวนหน้าห้องนอน
อุปกรณ์

  • กระดาษแข็ง เพื่อทำโครง
  • กระดาษโปสเตอร์ 2 สีตามชอบ
  • กระดาษสำน้ำตาลเพื่อตัดตัวกระรอก
  • กาว , กรรไกร
วิธีทำ

trace plate
1. สร้างโครงพวงหรีดด้วยการวาดวงกลมโดยใช้จาน 2 ขนาด แล้วตัดตามรูป
reinforce 2. ติดกระดาษโปสเตอร์ให้สวยงาม หากจะทำให้ด้านหลังทึบก็ติดกระดาษให้เต็มแผ่นหลัง 1 ด้าน
3. ทำลอนม้วนนำกระดาษโปสเตอร์มาตัด กว้าง 1 1/4 นิ้ว ยาว 4 นิ้ว แล้วติดกาวสลับสี ดังตัวอย่าง

print แบบรูปกระรอกลงบนกระดาษสีน้ำตาล
ตัดออกมาประกอบกันแล้วติดไว้ที่กลางด้านล่าง

เข็มกลัดหัวใจ

อุปกรณ์

  • ปูนปลาสเตอร์
  • อ่างผสม และช้อนผสม
  • แบบพิมพ์รูปหัวใจ สามารถใช้ถาดวุ้น , ช็อคโกแลต
  • สีอะคลิลิคสีสดใสตามชอบ
  • สเปรย์เคลือบเงา
  • เข็มกลัด



วิธีทำ

  • ผสมปูนปลาสเตอร์กับน้ำในอ่านผสม คนให้เข้ากัน
  • หยอดส่วนผสมลงใบแบบพิมพ์พลาสติก ระวังอย่าให้ล้นหรือสูงกว่าขอบ
  • ทิ้งไว้ให้ปูนเซตตัว 1- 2 นาที วางเข็มกลัดลงไปตามรูป
  • เมื่อแห้งดีแล้วนำออกจากพิมพ์
  • ระบายสีตกแต่ง ทิ้วไว้จนแห้งสนิท
  • เมื่อสีแห้งสนิท พ่นสเปร์ยเคลือบเงาทับ

กระถางใส่ดอกไม้ประดิษฐ์


อุปกรณ์

  • กระถางดินเผาชนิดไม่เคลือบ
  • สีอะคลิลิคสีสดใสตามชอบ
  • สเปรย์เคลือบเงา
  • กระดุมตกแต่งหลากสี
  • โฟมสำหรับจัดดอกไม้แห้ง (floral foam) หรือโฟมธรรมดา
  • กาวร้อน

วิธีทำ

  • ทาสีเหลืองที่กระถางให้ทั่วทั้งด้านในและด้านนอก ทิ้งไว้จนแห้งสนิท
  • ติดกระดุมลงบนขอบกระถาง เพื่อตกแต่ง
  • เมื่อสีแห้งสนิท พ่นสเปร์ยเคลือบเงาทับ
  • ตัดโฟมให้สูงประมาณ 3/4 ของกระถาง ยึดติดด้วยกาวร้อน

Tips:

  • ใช้ใส่ดอกไม้ประดิษฐ์

ครอบครัว Lady Bug


มาทำหินทับกระดาษ Ladybug ให้คุณแม่กันนะ

อุปกรณ์

  • ก้อนหินผิวเรียบรูปทรงมนคล้ายไข่
  • สีอะคลิลิคสีสดใสตามชอบ และสีดำ
  • สเปรย์เคลือบเงา
  • ตาดุ๊กดิ๊ก
  • กาว

วิธีทำ

  • นำก้อนหินมาทำความสะอาด และตากให้แห้งสนิท
  • ทาสีก้อนหินด้วยสีสดใสตามที่เด็กๆชอบ แล้วทิ้งไว้จนแห้ง
  • ทาสีดำเพื่อเป็นส่วนหัวประมาณ 1/4 ของก้อน ตามตัวอย่าง
  • ลากเส้นสีดำจากจุดกึ่งกลางของหัวผ่านตลอดแนวกลางลำตัว
  • เติมจุดสีดำเล็กๆ โดยเว้นระยะห่างระหว่างกันให้สวยงาม
  • เมื่อสีแห้งสนิท พ่นสเปร์ยเคลือบเงาทับ
  • เมื่อแห้งแล้วติดลูกตาดุ๊กดิ๊ก

Tips:

  • หินก้อนใหญ่จะจับถนัดมือกว่าแต่ก็จะมีน้ำหนักมากขึ้นตามไปด้วย เด็กๆต้องระมัดระวัง

Box Monster

อุปกรณ์

  • กล่องกระดาษ เช่น กล่องขนม , กล่องทิชชู ,
  • กระดาษโปสเตอร์สีฟ้าอ่อน 2 แผ่น
  • กระดาษโปสเตอร์สีขาว และ ดำ อย่างละ1/4 แผ่น
  • รังไข่กระดาษ ตัดแยกป็นช่อง 2 ชิ้น
  • สีอะคลิลิค สีดำ และ ขาว
  • กาว , กรรไกร
  • สีเมจิสีดำ (วาดฟัน)
  • สีโปสเตอร์ เพื่อทำลวดลายของ Monster ตามชอบ

วิธีทำ

  • นำรังไข่กระดาษ ที่ตัดไว้มาทาสีขาวให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้แห้ง
  • นำกล่องทิชชูมาเจาะส่วนที่จะเป็นปาก
  • ห่อด้วยกระดาษโปสเตอร์สีฟ้า โดยเจาะส่วนปากเช่นกัน ควรเหลือขอบกระดาษเล็กน้อยแล้วติดกาว

พับซ่อนไว้ด้านใน

  • ตัดกระดาษสีขาวเป็นแนวค้าคล้ายรูปกล้วย 2 ชิ้น แล้วใช้สีเมจิขีดเป็นแนวฟัน
  • ติดส่วนของฟันบน-ล่างกับขอบด้านใน
  • ตัดกระดาษสีฟ้าเพื่อทำเท้า 2 ชิ้น (อย่าลืมเหลือพื้นที่เพื่อติดกาว) ติดเล็บด้วยกระดาษสีขาวเล็กๆ
  • ติดส่วนเท้าเข้ากับด้านล่างของกล่อง
  • นำรังไข่ในข้อ 1 มาวาดจุดสีดำตรงกลางเพื่อเป็นตา
  • แต่งขนตาด้วยแถบกระดาษสีดำตัดแหลม ติดกาวให้เรียบร้อย
  • ทำหางโดยใช้กระดาษ สีฟ้า ตัดรูปร่างตามชอบ แล้วติดกาวไว้ด้านข้างค่อนไปทางหลังกล่อง
  • ตกแต่งลวดลายด้วยสีโปสเตอร์

Tips:
ลองสร้างสัตว์ประหลาดใหม่ๆด้วยวัสดุอื่น เช่น ถ้วยโจ๊ก กล่องหลายๆขนาด

หมวกแมกซิกัน

อุปกรณ์

  • กระดาษหนังสือพิมพ์ 4-5 แผ่น
  • กระดาษห่อของขวัญ 1 แผ่น ขนาดเดียวกับกระดาษหนังสือพิมพ์ หรือจะพ่นสีตามตัวอย่างก็ได้
  • กระดาษกาว
  • กรรไกร , ที่เจาะรูกระดาษ แบบ 1 รู
  • เชือกสวยๆ หรือโบว์

วิธีทำ

    • นำกระดาษหนังสือพิมพ์ทั้งหมดมาซ้อนกัน หากจะใช้กระดาษห่อของขวัญให้วางไว้บนสุด
    • นำกระดาษมาครอบลงบนศรีษะเด็ก รัดด้วยเทปกาวบริเวณหน้าผาก
    • ตัดเล็มขอบให้โค้งมน
    • ม้วนขอบขึ้นติดด้วยเทปกาวจนครบรอบ
    • หากจะพ่นสีควรเป็นสีทึบเพื่อปิดรอยหมึกพิมพ์
    • เจาะรูรอบๆขอบหมวก แล้วร้อยเชือกหรือโบว์เพื่อตกแต่งให้สวยเก๋
    • เจาะด้านข้างหมวกเพื่อใส่สายรัดคางกันหลุดค่ะ ..ก็หมวกหนูเบามากนี่นา

ตุ๊กตาห้อยขา

อุปกรณ์

  • กล่องนม หรือ กล่องน้ำผลไม้
  • กระดาษโปสเตอร์สีสวยเพื่อห่อกล่อง 2 สี
  • กระดาษโปสเตอร์สีดำชิ้นเล็กๆ เพื่อทำรองเท้า
  • ไหมพรม เพื่อเป็นส่วนผม
  • ลูกตาดุ๊ดดิ๊ก
  • กาว , กรรไกร

วิธีทำ

  • กล่องนม หรือ น้ำผลไม้ที่ดื่มหมดแล้วนำมาล้างให้สะอาด (อย่าตัดด้านบนของกล่องออก ควรตัดด้านหูกล่องเพียงข้างเดียว)
  • เมื่อกล่องแห้งดีแล้ว นำมาห่อด้วยกระดาษโปสเตอร์สีที่ต้องการ ใช้กาวติดด้านที่พับหัว-ท้ายให้เรียบสนิท
  • ทำส่วนขา และ แขน ตัดการดาษเป็นแถบยาว 10 นิ้ว และ 6 นิ้ว ตามลำดับ สร้างรอยหยักโดยพับสลับด้านเหมือนทำพัด
  • ใช้กาวติดแขนทั้งสองที่ด้านข้างกล่อง และติดขาทั้งสองที่ด้านใต้กล่อง
  • ตัดกระดาษโปสเตอร์สีดำเป็นสีเหลี่ยมเล็กๆติดที่ปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง เพื่อแทนรองเท้า
  • แต่งหน้า โดยติดตาดุ๊ดดิ๊ก และวาดปาก
  • ใช้ไหมพรมตกแต่งทรงผมตามชอบ อาจเพิ่มดอกไม้เล็กๆหรือโบว์

Tips:
วางตุ๊กตาบนชั้นจัดให้ขาห้อยลงมาจะเป็นการแต่งห้องที่น่ารักมากค่ะ

Fast Math สุดยอดการคูณ 11

หลักการง่ายๆ ครับ เริ่มกันเลย

เช่น 18x11= ?
43x11=?
85x11=?
63x11=?

วิธีคิดง่ายๆ นะครับ ตัวเลข สองหลักใดๆ ก็ตาม คูณด้วย 11

เช่น 63x11
จะได้เลข 3 หลักคือ ร้อย ก็ให้แยก 6 กะ 3 ออก เหลือตัวเลขหลัก สิบ 10
วิธีการหาหลัก สิบก็คือ นำตัวเลขสองตัวนั้น บวกกัน เช่น 6+3 จะได้ 9

คำตอบที่ได้คือ 693

อีกตัวอย่าง

85x11

จะได้ 8 ___5

นำ 8+5 =13

จะได้ 935 คำตอบ นำเลข 1 หน้าเลขสามบวกกับตัวเลขหลักร้อยของคำตอบ

หวังว่าคง งงกันนะครับ 555+ ถ้างง ดูตามภาพนะครับ

ลองดูนะครับ อันนี้ผมเคยทดสอบแค่ ตัวเลขสองหลัก คูณ 11

สำหรับใครลองแบบอื่น เอามาบอกกันด้วยนะครับ

เทคนิคท่องสูตรคูณ - ท่องสูตรคูณด้วยไม้

เทคนิคท่องสูตรคูณ - ท่องสูตรคณด้วยการพับกระดาษ

เทคนิคท่องสูตรคูณ - ตารางท่องสูตรคูณ 12 in 1

เทคนิคท่องสูตรคูณ - ทางลัดสูตรคูณแม่ 9

เทคนิคการลบเลขที่ตัวตั้งลงท้ายด้วย 0

จำนวน และอนุกรม: นับจำนวนกัน

แบบฝึกหัดชุดที่ 1
แบบฝึกหัดชุดที่ 2
แบบฝึกหัดชุดที่ 3
แบบฝึกหัดชุดที่ 4
แบบฝึกหัดชุดที่ 5
แบบฝึกหัดชุดที่ 6
แบบฝึกหัดชุดที่ 7
แบบฝึกหัดชุดที่ 8
แบบฝึกหัดชุดที่ 9
แบบฝึกหัดชุดที่ 10
แบบฝึกหัดชุดที่ 11
แบบฝึกหัดชุดที่ 12

สอนคณิตศาสตร์ให้ลูก

เมื่อพูดถึงคณิตศาสตร์ หลายคนส่ายหน้า บอกว่าไม่ชอบ ไม่เข้าใจ ยาก ตอนสอบก็เกือบตก เข้าความจริงแล้วจะไปโทษเด็กหรือโทษคนไม่ชอบคณิตศาสตร์ก็คงไม่ได้ ต้องโทษระบบการศึกษาของเรา ที่ไม่มีครูคณิตศาสตร์ดีๆ เพียงพอ ครูสอนคณิตศาสตร์เป็นใครก็ไม่รู้ บางทีก็เอาครูวิทยาศาสตร์มาสอน จึงไม่สามารถอธิบายให้เด็กเข้าใจได้ เมื่อไม่เข้าใจแต่ต้น ยิ่งเรียนสูงก็ยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งไม่เข้าใจก็ยิ่งเบื่อ ยิ่งเบื่อก็ยิ่งไม่อยากเรียน ก็เลยพาลไม่ชอบไปเลย

ความจริงคณิตศาสตร์เป็นเรื่องสนุก คณิตศาสตร์ไม่ใช่เรื่องตัวเลขที่หลายคนลายตา หัวใจของคณิตศาสตร์สอนให้คนรู้จักคิด มีเหตุมีผล รู้ประมาณ รู้ขอบเขต รู้ว่าอะไรเป็นไปได้ อะไรเป็นไปไม่ได้ คณิตศาสตร์สอนให้คนมองอะไรกว้างขึ้น และยังมองลึกกว่าคนทั่วไป ตัวเลขของคณิตศาสตร์เป็นเพียงบันใดที่จะไต่ไปสู่เป้าหมายที่กล่าวข้างต้น

สมมุติว่ามีคนมาบอกว่า " พาราเซตตามอลเป็นยาแก้ปวดที่ปลอดภัยที่สุด " คนทั่วไปก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ปลอดภัยก็ปลอดภัย ปลอดภัยก็กิน แต่คนที่เข้าใจคณิตศาสตร์ กลับมองไปอีกอย่าง คงอยากทราบใช่ไหมว่ามองอย่างไร

การที่บอกว่า พาราเซตตามอลเป็นยาแก้ปวดที่ปลอดภัยที่สุด คำว่า " ที่สุด " ก็แปลว่า ยังมียาแก้ปวดอย่างอื่นให้เราเลือกใช้อีก ยาแก้ปวดไม่ได้มีแต่พาราเซตตามอลอย่างเดียว

คำว่า " ปลอดภัยที่สุด " ไม่ได้แปลว่าปลอดภัย 100 % ปลอดภัยที่สุด แปลได้เพียงว่า ในบรรดายาแก้ปวดที่มีอยู่ ยาพาราเซตตามอลปลอดภัยกว่ายาแก้ปวดตัวอื่นๆ ความปลอดภัยอาจแค่ สมมุติว่า 90 % คนเข้าใจคณิตศาสตร์จะถามต่อว่า แล้วที่ไม่ปลอดภัยหรือที่ต้องระมัดระวังมีอะไรบ้าง

ถ้าสมมุติว่า พาราเซตตามอลปลอดภัย 90 % แต่ยาแก้ปวดอีกตัวที่ปลอดภัยรองลงมา มีความปลอดภัย 85 % แต่ราคากำละ 1 บาท (หนึ่งกำมีตั้งหลายสิบเม็ด) ในขณะที่พาราเซตตามอล เม็ดละหนึ่งบาท บางทีเราอาจไม่เลือกพาราเซตตามอลก็ได้

เห็นไหมครับว่าคนเข้าใจคณิตศาสตร์มองอะไรๆ ได้กว้างกว่า คิดอะไรๆ ได้ลึกกว่าคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คนเรียนคณิตศาสตร์ได้ดี จึงมักเรียนวิชาอื่นได้ดีด้วย ทั้งนี้ก็เพราะคณิตศาสตร์ สอนให้รู้จักคิด รู้จักประยุกต์ความเข้าใจ จึงทำให้เรียนและเข้าใจวิชาอื่นได้ดีกว่าคนที่ไม่ชอบคณิตศาสตร์

การที่จะทำให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์ได้นั้น ต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก พ่อแม่จึงต้องเป็นครูคณิตศาสตร์ คนแรกของลูก พูดอย่างนี้หลายคนตกใจว่าเราเองก็แย่เอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว จะไปสอนคณิตศาสตร์ ให้ลูกได้อย่างไร

ความจริงไม่ใช่เรื่องยาก ท่านสามารถสอนลูกปลูกฝังลูกได้โดยลูกไม่รู้ตัว อย่างเช่น เวลาขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน ถ้าลูกยังเล็กอยู่ก็ให้อ่านตัวเลขทะเบียนรถ ถ้าโตขึ้นมาหน่อย ก็ลองให้ลูกบวกลบตัวเลขทะเบียนรถ ถ้าลูกโตขึ้นมาอีก ก็อาจกำหนดคำตอบแล้วให้ลูก ใช้ตัวเลขทะเบียนรถมาบวกลบคูณหารให้ได้ตรงคำตอบหรือใกล้เคียงที่สุด หน้าปัดความเร็วรถ คุณก็สามารถสอนเรื่องความเร็ว สอนเรื่องหน่วย ไมล์ กิโลเมตร นาฬิกาบนหน้าปัดรถ คุณก็สามารถสอนเรื่องเวลา นาที วินาที ชั่วโมง สอนเรื่องการอ่านเวลา สอนเรื่องการตรงต่อเวลา สอนเรื่องวงกลม สอนเรื่องการเคลื่อนที่ของเข็มยาว เข็มสั้น

เมื่อพาลูกไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ถ้าเป็นเด็กเล็กคุณก็สามารถสอนเรื่องรูปทรงต่างๆ รูปทรงกลม ทรงเหลี่ยม จากป้ายราคา คุณก็ยังสามารถสอนเรื่อง บาท สตางค์ สอนเรื่องโหล กุรุส ราคาต่อหน่วย ของชนิดเดียวกันต่างยี่ห้อเปรียบเทียบว่าอันไหนถูกกว่าอันไหนแพงกว่า ถ้าเด็กโตขึ้นมาหน่อย ก็อาจให้ลองบวกเลขรวมจำนวนเงินที่ต้องจ่าย ถ้าให้ธนบัตรเท่านี้ จะได้รับเงินทอนเท่าไหร่ หยิบน้ำปลามาหนึ่งขวดคุณจะสอนอะไรให้กับลูกได้บ้าง เริ่มจากรูปทรงของขวด ถ้าเด็กโตขึ้นมาหน่อย ก็สอนเรื่องปริมาตร ลิตร ซีซี ถ้าเด็กโตขึ้นมาอีกหน่อย เปอร์เซ็นต์ส่วนประกอบของน้ำปลา ราคาที่ประหยัดกว่าเมื่อซื้อขวดใหญ่ เมื่อเทียบกับซื้อขวดเล็ก คุณพ่อคุณแม่สามารถทำให้ การไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเกิดความสนุกสนาน และเกิดการเรียนรู้ไปด้วย

เห็น ไหมครับสิ่งรอบตัวคุณสามารถนำมาประยุกต์สอนเด็กได้ เป็นการปลูกฝังให้เด็ก รักคณิตศาสตร์โดยไม่รู้ตัว และไม่ต้องกลัวว่าคุณจะสอนไม่ได้ เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องพื้นๆ สำหรับผู้ใหญ่ทั่วไปที่ต้องรู้อยู่แล้ว อยู่ที่ตัวท่านจะเอาใจใส่แค่ไหนมากกว่าเมื่อเด็กรักคณิตศาสตร์ ชอบคณิตศาสตร์ เมื่อโตขึ้นเด็กก็จะขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมเอง คณิตศาสตร์ก็จะไม่เป็นยาขม ของเด็กอีกต่อไป ขอขอบคุณ: นายแพทย์รุ่งโรจน์ ตรีนิติ
http://www.clinicrak.com

Mathematic ของวัยซน

เมื่อเจ้าตัวเล็กเริ่มท่องเลขได้ คนเป็นพ่อแม่ก็พากันปลื้มค่ะ ครั้นท่อง One Two Three…ได้อีก คราวนี้ปลื้มกันสุดๆ เชียวล่ะ แม้พอถามว่าลูกเข้าใจความหมายที่แท้จริงหรือเปล่า ว่า 1 และ 2 คืออะไร ถ้าเป็นผลไม้จะมีสักกี่ผล หรือเป็นสิ่งของจะมีสักกี่ชิ้น แล้วได้คำตอบ “ไม่รู้” ก็ตาม

การเรียนรู้ คณิตศาสตร์ของลูกไม่ใช่แค่ท่องจำตัวเลข 1 2 3 4…10 หรือ 1 + 1 = 2 เท่านั้น แต่คณิตศาสตร์ คือการเรียนรู้เรื่องอื่นๆ เมื่อเขาเติบโตขึ้น


รู้จัก Mathematic

ทุกวันนี้หมดยุคท่องจำ หรือมุ่งการเรียนรู้เฉพาะเรื่องจำนวนและตัวเลขแล้วค่ะ เพราะว่าคณิตศาสตร์สามารถเรียนรู้ได้ง่ายๆ จากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเล่นกับลูก ไปเที่ยว หรือจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น นับต้นไม้ ใบไม้ ซึ่งมีทั้งการนับ ขนาด ปริมาณ น้ำหนัก การเปรียบเทียบ เรียนรู้เวลา และอื่นๆ มากมาย

ที่ สำคัญทุกสาขาอาชีพก็ต้องล้วนเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นวิทยา ศาสตร์ ฟิสิกส์ บัญชี เทคโนโลยี การเมือง การปกครอง การทำนา ล้วนมีคณิตศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น


Mathematic Growing

เมื่อรู้ของเขตแล้วก็ส่งเสริมเจ้าตัวเล็กได้ตั้งแต่แรกเกิดค่ะ

ขวบปีแรก

ลูก สามารถสร้างพื้นฐานทางคณิตได้ก่อนที่จะบวกหรือลบเป็นเสียอีก เขาสามารถเชื่อมโยงความคิดกับตัวเลขด้วยการตีความง่ายๆ เรียนรู้ว่ามีจมูกหนึ่งจมูก มีตาสองตา รู้จังหวะเคลื่อนไหวจากการคลาน ซึ่งความสามารถทางคณิตศาสตร์ของลูกถูกพัฒนาด้วยการกระตุ้นหรือการมีปฏิ สัมพันธ์กับพ่อแม่ คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมรอบตัว สิ่งเหล่านี้จึงเป็นบันไดสำคัญที่จะพัฒนาไปสู่การเรียนรู้คณิตศาสตร์ของเจ้า ตัวเล็กในช่วงวัยต่อไปค่ะ

ขวบปีที่สอง

เรียน รู้สิ่งที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น สามารถจัดประเภทสิ่งของได้ทำให้ลูกเข้าใจจำนวน ตัวเลข รู้จักนับนิ้วมือ 1 2 3 เรียนรู้ความแตกต่างของรูปทรง การจับคู่ รู้จักการใช้เหตุผล มีจินตนาการและเห็นการเชื่อมโยงของสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง เช่น เมื่อตีกลองเขารู้ว่าจะต้องมีเสียงดัง สิ่งเหล่านี้พ่อแม่ต้องกระตุ้นลูกบ่อยๆ จะทำให้เขาเข้าใจความหมายและรู้จักนำจินตนาการมาใช้ได้ดีขึ้น

ขวบปีที่สาม

ลูก จะเห็นการจับคู่เป็นเรื่องง่ายแล้วค่ะ วัยนี้จึงควรจัดกิจกรรมให้เด็กๆ ได้ใช้ทั้งความคิด ความมีเหตุผล และเห็นการเชื่อมโยงกันให้มากขึ้น เช่น ลูกมีตุ๊กตากี่ตัวจ๊ะ ลูกต้องการรถกี่คัน หรืออาจจะให้ลูกช่วยจัดโต๊ะอาหาร ให้อาหารสัตว์ หรือไปซื้อของ ลูกจะได้เรียนรู้ การจัดหมวดหมู่ การเปรียบเทียบ การจัดวาง เป็นต้น

พีธากอรัส นักคณิตศาสตร์ ชาวกรีก กล่าวไว้ว่า “หลายสิ่งหลายอย่างสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ด้วยคณิตศาสตร์”

คาร์ล เฟรดริช เกาส์ นักคณิตศาสตร์ที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ กล่าวว่า “คณิตศาสตร์ไม่ใช่ความรู้ แต่เป็นการเรียนรู้ที่ให้ความเพลิดเพลินสูงสุด”


Fun+Learn in 7 Day

การ เรียนรู้คณิตศาสตร์ของลูกเริ่มต้นจากการเล่นและการใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ ค่ะ ซึ่งทุกกิจวัตรประจำวันถือเป็นโอกาสดีที่จะผสมผสานให้ลูกได้เรียนรู้และเข้า ใจถึงทักษะง่ายๆ และใกล้ตัว

Monday : เรียนรู้การนับและจำนวน

ฝึก ให้ลูกรู้จุกการนับจากชีวิตประจำวันขณะกิน เล่น เล่านิทาน เช่น การนับนิ้วมือ ช่วงแรกให้นับ 1-5 ก่อน แล้วเพิ่มเป็น 10 จากนั้นจึงค่อยเชื่อมโยงไปสู่ตัวเลขที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้ลูกเห็นจำนวนที่ แท้จริงมากขึ้น

ซึ่งนอกจาก ลูกจะได้เรียนรู้การนับแล้ว ยังได้เรียนรู้สรรพนามที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ และผลไม้ต่างๆ ซึค่งจะทำให้เขาเรียนรู้เรื่องของเซ็ท หรือการจัดหมวดหมู่ได้ง่ายขึ้นค่ะ เช่น

1 = ขนมเค้ก 1 ชิ้น 2 = กล้วย 2 ลูก 3 = หมวก 3 ใบ

Tuesday : เรียนรู้ขนาด

สอน ด้วยการเปรียบเทียบให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ช่วงแรกใช้แค่ขนาดเล็ก-ใหญ่ก่อน ซึ่งอาจจะเป็นเสื้อผ้า ของเล่นหรือผลไม้ เช่น “กางเกงของลูกตัวเล็กกว่ากางเกงของแม่อีกค่ะ” หรือ “หนูว่าแตงโมกับส้ม ผลไม้ชนิดไหนใหญ่กว่ากัน” จากนั้นก็เอาของทั้ง 2 อย่างมาเปรียบเทียบให้ลูกดู

Wednesday : เรียนรู้ปริมาณและน้ำหนัก

ทำให้ลูกดูได้เรียนรู้มากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากัน เช่น การเทน้ำใส่แก้ว การตักทราบใส่ถัง เก็บของใส่กล่อง เช่น

นำ แก้วสามใบ และนม แก้วใบแรกใส่นมเต็มแก้ว ใบที่สองใส่ครึ่งแก้ว และใบที่สามไม่ต้องใส่ ลองถามลูกว่าแก้วใบไหนเต็มใบไหนว่าง และใบไหนมีนมครึ่งแก้ว เด็กวัยนี้จะสามารถเรียนรู้ความหมายของคำว่าเต็ม และว่างเปล่า แต่บอกไม่ได้ว่าครึ่งแก้วเป็นอย่างไร หรืออาจเปรียบเทียบน้ำหนัก ด้วยการให้ลูกลองยกของที่มีน้ำหนักแตกต่างกัน แล้วถามว่าของสิ่งไหนหนักกว่ากัน

Thursday : เรียนรู้รูปทรง

การ เล่นแท่งบล็อก ลูกได้เรียนรู้ทั้งรูปทรง การเปรียบเทียบสีสัน ขนาด ตำแหน่งที่วาง การจัดหมวดหมู่ และการนับจำนวนโดยคุณแม่อาจตั้งคำถามให้ลูกคิด เช่น “มีแท่งบล็อกสี่เหลี่ยมกี่แท่งนะ” หรือ “ไหนหนูลองแยกแท่งบล็อกที่มีสีเหมือนกันซิค่ะ”

Friday : เรียนรู้เวลา

สอน ให้ลูกเรียนรู้จากสิ่งที่ง่ายก่อน เช่น ก่อน-หลัง เร็ว-ช้า วันนี้-พรุ่งนี้ ด้วยการพูดคุยกับลูก เช่น “ถ้าหนูเดินเร็วเราก็จะไปถึงสนามเด็กเล่นเร็ว แต่ถ้าเดินช้าก็ไปถึงช้า” หรือ “พรุ่งนี้วันเสาร์แม่จะพาลูกไปเที่ยวสวนสนุก ตอน 8 โมงเช้า ลูกอยากไปมั้ยจ๊ะ”

Saturday : เรียน วัน เดือน ปี

โดย เริ่มต้นให้ลูกเรียนรู้จากกิจกรรมง่ายๆ หรืออาจยกตัวอย่างเป็นวันสำคัญหรือเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทง มาให้ลูกฟังก็ได้ค่ะ ลูกจะได้จำจดได้ง่ายขึ้น เช่น “เดือนมกราคมนี้ก็จะถึงวันเกินของลูกๆ จะมีอายุครบ 2 ขวบแล้วนะ” หรือ “วันที่ 13 เมษายนนี้ จะเป็นวันสงกรานต์ แม่จะพาลูกไปเล่นสาดน้ำสนุกๆ กันนะ”

Sunday : เรียนรู้จังหวะ ดนตรี

คุณ สามารถฝึกประสบการณ์ทางคณิตศาสตร์ให้ลูกได้ด้วยการเรียนรู้จังหวะจากเครื่อง ดนตรีง่ายๆ เช่น กลอง ไซโลโฟนหรือเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่ตีแล้วเกิดเสียง เช่น การตีกลองโต้ตอบกับลูก ครั้งแรกคุณลองตีกลอง 2 ครั้ง แล้วให้เจ้าตัวเล็กตีกลองรับ 2 ครั้ง แล้วค่อยเพิ่มเป็น 3 ครั้ง 4 ครั้ง หรือ 5 ครั้ง จากนั้นเปลี่ยนให้ลูกตีนำและคุณตีตามบ้าง สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกเข้าใจการโต้ตอบจากจังหวะกลองได้
จากกิจกรรมที่ยกตัวอย่าง ก็จะช่วยให้เจ้าตัวเล็กวัยซนสนใจเล่นคณิตศาสตร์แสนสนุกไปพร้อมๆ กับคุณแล้วล่ะค่ะ.

ขอขอบคุณ: นิตยสารรักลูก ปีที่ 25 ฉบับที่ 296 กันยายน 2550

ค้นหาบล็อกนี้